สหรัฐฯ-จีนเปิดการเจรจาทางทหารระดับสูงครั้งแรกในรอบ 2 ปี

หลังจากการเจรจาทางทหารชะลอไปนานนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 ซึ่งมีสาเหตุจากการเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ Nancy Pelosi ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ และจีนตกอยู่ในภาวะสุญญากาศ ล่าสุดในเดือนธันวาคม 2023 เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกครั้งสำคัญ เมื่อ ผู้บัญชาการร่วมทัพของสหรัฐฯ พล.อ. Charles “CQ” Brown Jr. พบหารือทางวิดีโอกับพล.อ. Liu Zhenli หัวหน้าหน่วยบัญชาการร่วมของจีน โดยนับเป็นการสื่อสารระดับสูงครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี

แต่รอบนี้ถือเป็นที่มาใหม่กับการกลับมาเจรจาที่ลึกซึ้งขึ้น นับเป็นครั้งแรกในรอบเกิน 2 ปี

📌 จุดประสงค์ของการเจรจาระดับสูง

• ทั้งสองฝ่ายยืนยันความตั้งใจในการ ลดโอกาสเกิดความเข้าใจผิดด้านยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะการปฏิบัติงานในทะเลจีนใต้ ไต้หวัน และเส้นทางเดินเรือน่านน้ำสากล
• เป้าหมายคือสร้างกรอบการสนทนาโดยเน้น ความโปร่งใสและเชื่อถือได้, เช่น การสนับสนุนกลุ่มปฏิบัติการ Crisis Communications และการเจรจาทางน่านน้ำ (Maritime Consultative Talks)

🗺️ ขยายความร่วมมือเชิงปฏิบัติ

• เมื่อ ต้นเดือนเมษายน 2025 เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจากกองกำลังเรือและบินของทั้งสองประเทศพบกันที่เซี่ยงไฮ้ เกี่ยวกับการลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการปฏิบัติการณ์ใกล้ทะเลจีนใต้และน่านฟ้าใกล้ไต้หวัน
• จุดประสงค์มุ่งลดการปะทะจากเทคนิคยุทธวิธีผิดพลาดและสร้างมาตรฐานความปลอดภัยเบื้องต้น เช่น การรักษาระยะห่าง และมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางทะเลและอากาศ

🌏 ความท้าทายระยะยาว

• แม้การเจรจาขยับตัว แต่ ประเด็นหัวใจอย่างไต้หวัน, เซาท์ไชน่า ซี และการขายอาวุธให้ไต้หวัน ยังคงเป็นหมุดหมายที่ซับซ้อนและเปราะบาง
• พล.อ. Brown และพล.อ. Liu เน้นว่า “การสื่อสารเปิด” ยังเป็นก้าวแรก ไม่ใช่สัญญาณว่าจะยุติปรับยุทธศาสตร์ ทุกอย่างยังอยู่ระหว่างการสร้างความเชื่อใจเชิงลึก
• ความขัดแย้งทางการเมืองและความเชื่อใจระหว่างประเทศยังทำให้ความร่วมมือในระยะยาวต้องใช้เวลาและแรงกดดันด้านการทูตเพิ่มเติม

แม้แต่เพียง “วิดีโอคอล” ระดับทหารสูงสุดจะไม่ใช่การแก้ไขเชิงลึกของ CK ความขัดแย้งทั้งหมด แต่เป็น สัญญาณเชิงบวกเชิงกลยุทธ์ ของสองมหาอำนาจที่ตอกย้ำว่า “ยังต้องการช่องทางสนทนา” เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าผิดพลาด ระหว่างที่โลกยังคงจับตาความสัมพันธ์สองฝ่ายว่าจะเดินไปในทิศทางใด หลังยุทธศาสตร์ของจีน-สหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มความเข้มข้นมากขึ้น